







ออนไลน์ : 6
ประวัติความเป็นมา
หมู่บ้านของตำบลสร้างมิ่ง ได้แยกมาจากหมู่บ้านของตำบลสวาท และตำบลคำไผ่ เมื่อปี พ.ศ.2526 ราษฎรอพยพมาจากบ้านโนนชาด ซึ่งเป็นพื้นที่ราบสูงมีเนื้อที่น้อย หาน้ำอุปโภคบริโภคลำบาก จึงมาอพยพมาอยู่ที่บ้านสร้างมิ่ง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ในการขุดบ่อน้ำขุดลงบริเวณใดก็มีน้ำมากซึ่งบ่อน้ำนี้ชาวอีสานเรียกว่า "น้ำซ่าง" จึงเรียกชื่อบ้านว่าบ้านสร้างมิ่ง เป็นชื่อที่ไพเราะและเหมาะสม กำนันคนแรก คือ นายสง่า พิลาแดง และคนปัจจุบัน คือ นายอุทัย ศรีมาเมือง
พื้นที่
เป็นพื้นที่ราบลุ่ม และบางส่วนเป็นที่ดอน สภาพดินเป็นดินร่วนปนทราย บางแห่งเป็นดินร่วนปนหินลูกรัง
การเดินทาง
จากที่ว่าการอำเภอเลิงนกทาผ่านด้านหน้าวิทยาลัยการอาชีพเลิงนกทา
ตามเส้นทางหลวงชนบท สวาท - หนองแสง อยู่ที่ประมาณ กิโลเมตรที่ 10 ของถนนทางหลวงชนบท ดังกล่าว หรือเข้าเส้นถนนวารีราชเดช เลิงนกทา-ยโสธร ประมาณกิโลเมตรที่ 12 ช่วงเส้นทางเข้าบ้านคึมยาว
ผลิตภัณฑ์
ผ้าไหม,ผ้าฝ้าย หมวก
สภาพทั่วไปขององค์การบริหารส่วนตำบลสร้างมิ่ง
เขตพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลสร้างมิ่ง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของที่ว่าการอำเภอเลิงนกทา ห่างจากอำเภอเลิงนกทา 16 กิโลเมตร และห่างจากจังหวัดยโสธร 65 กิโลเมตร
มีพื้นที่ 53 ตารางกิโลเมตร
ทิศเหนือ พื้นที่ติดบ้านหนองโสน ตำบลสวาท อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
ทิศใต้ พื้นที่ติดบ้านคำไผ่เหนือ ตำบลคำไผ่ อำเภอไทยเจริญ จังหวัดยโสธร
ทิศตะวันออก พื้นที่ติดบ้านสมสะอาด ตำบลโคกสำราญ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
ทิศตะวันตก พื้นที่ติดบ้านเทพเจริญ ตำบลไทยเจริญ อำเภอไทยเจริญ จังหวัดยโสธร
มี 11 หมู่บ้าน
หมู่ 1 บ้านสร้างมิ่ง
หมู่ 2 บ้านหินเหล็กไฟ
หมู่ 3 บ้านโนนชาด
หมู่ 4 บ้านหนองเชียงโท
หมู่ 5 บ้านโนนหาด
หมู่ 6 บ้านกุดเสถียร
หมู่ 7 บ้านคึมยาว
หมู่ 8 บ้านโคกกอก
หมู่ 9 บ้านท่าลาด
หมู่ 10 บ้านเหล่าอาภรณ์
หมู่ 11 บ้านแสนสำราญ
ประชากรในพื้นที่ 6,076 คน ชาย 3,063 คน หญิง 3,013 คน หมายเหตุ ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562
สภาพทางเศรษฐกิจ
-อาชีพ ทำการเกษตร 85%
ค้าขาย 10%
อื่นๆ 5%
สภาพทางสังคม
การศึกษา
โรงเรียนในพื้นที่ 7 แห่ง (โรงเรียนขยายโอกาส 1 แห่ง)
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง
สถาบันทางศาสนา
วัด 10 แห่ง
ที่พักสงฆ์ 3 แห่ง
สาธารณสุข
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 1 แห่ง
อำนาจหน้าที่ของ อบต.
- อบต. มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วน ตำบล พ.ศ. 2537 และ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562)
- พัฒนาตำบลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (มาตรา 66)
- มีหน้าที่ต้องทำตามมาตรา 67 ดังนี้
2.3 รักษาความสะอาดของถนน ทางน้ำ ทางเดิน และที่สาธารณะ รวมทั้งกำจัดมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
2.4 ป้องกันโรคและระงับโรคติดต่อ
2.5 ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
2.6 จัดการ ส่งเสริม และสนับสนุนการจัดการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม และการฝึกอบรมให้แก่ประชาชน รวมทั้งการจัดการหรือสนับสนุนการดูแลและพัฒนาเด็กเล็กตามแนวทางที่เสนอแนะจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
2.7 ส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
2.8 คุ้มครอง ดูแล และบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2.9 บำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น
2.10 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ทางราชการมอบหมายโดยจัดสรรงบประมาณหรือบุคลากรให้ตามความจำเป็นและสมควร
อำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่เป็นการตัดอำนาจหน้าที่ของกระทรวง ทบวง กรม หรือองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ในอันที่จะดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในตำบล แต่ต้องแจ้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลทราบล่วงหน้าตามสมควร ในกรณีนี้หากองค์การบริหารส่วนตำบลมีความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินกิจการดังกล่าว ให้กระทรวง ทบวง กรม หรือองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ นำความเห็นขององค์การบริหารส่วนตำบลไปประกอบการพิจารณาดำเนินกิจการนั้นด้วย
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้องค์การบริหารส่วนตำบลมีสิทธิได้รับทราบข้อมูลและข่าวสารจากทางราชการในเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจการของทางราชการในตำบล เว้นแต่ข้อมูลหรือข่าวสารที่ทางราชการถือว่าเป็นความลับเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ
องค์การบริหารส่วนตำบลอาจออกข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อใช้บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลได้เท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมายหรืออำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล ในการนี้จะกำหนดค่าธรรมเนียมที่จะเรียกเก็บและกำหนดโทษปรับผู้ฝ่าฝืนด้วยก็ได้ แต่มิให้กำหนดโทษปรับเกินหนึ่งพันบาท เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
- อำนาจหน้าที่ตามแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ
พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น พ.ศ. 2542 กำหนดให้ อบต.มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดระบบการบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเองตามมาตรา 16 ดังนี้
|